คิดอยู่นานว่าจะเอารูปตัวเองขึ้นปกดีมั้ย แล้วก็ตัดสินใจแบบนี้ เพราะอยากให้คนจำ identity ของ Neuter Lover ได้ก่อนว่าอีนี่เป็นศิลปินเดี่ยว ไม่ใช่วงดนตรี ซึ่งที่ผ่านมาก็มีคนจำนวนมากเข้าใจผิดมาตลอด และจิตใต้สำนึกคนทั่วไปมักจะปักใจว่า ดนตรีขนาดนี้มันต้องเป็นวงแน่ๆ
ไม่อยากมาแก้ความเข้าใจผิด เลยตั้งชื่ออัลบั้มแบบนี้ และมี photo ตัวเองซะเลย แล้วก็โชคดีว่า มีน้องรัน(Runangel) อาสามาช่วยถ่ายรูปให้
ด้วยความที่ฟังเพลง Cry แล้วนึกถึงทุ่งหญ้างามๆ ขึ้นมา เลยไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าทุ่งหญ้า หรือทุ่งข้าวกว้างไกล และต้องลงไปเหยียบ ไปนอนได้ ก็หา refference และปรึกษาน้องรัน, พี่ธรรม แห่งโปรดักชั่นเฮ้าส์ 'Anamorphic’ ว่าทึ่ไหนที่ไปสะดวก ไม่ไกลกรุงเทพฯมาก แล้วก็ลงตัวที่สระบุรี
วันถ่ายปกอัลบั้ม I am Neuter Lover (DEC 28, 2009)
ขับรถพาน้องรันกับน้องวี Anamorphic ไปตระเวนหาโลเกชั่น ตอนแรกตั้งใจว่าจะใช้ location แถวสระบุรี แต่แล้วก็เจอทุ่งข้าวข้างทางที่ใช่ซะก่อน อยู่แถวโรงไฟฟ้าวังน้อย ก็เลยโชคดี ไม่ต้องถ่อไปไกลถึงนู่น
เป็นทุ่งข้าวที่ Surreal มาก มีถนนเล็กๆ ตัดผ่าน ฝั่งซ้ายเป็นสีเขียวขจี ส่วนฝั่งขวาเป็นรวงข้าวสีเหลืองแห้งๆ เราเลือกไปลุยที่ฝั่งข้าวแห้งๆ เพราะเข้ากับอารมณ์หลอนๆ ของเรามากกว่า
ลองถ่ายเทสดู โดยมีน้องรันเป็นหนูทดลองให้เราถ่ายว่าต้องการมุมกล้องแบบไหน แล้วเราก็ลงไปนอนดูบ้าง กำกับภาพไปด้วย
แล้วก็รอเวลาให้แสงแดดหมดไป อยากได้บรรยากาศทะมึนๆ ตอนใกล้ๆ ค่ำ
ระหว่างนั้นก็เปิดกระโปรงรถแจ๊ส นั่งเล่นกีต้าร์ชิวๆ ให้รันฟัง (ให้เคลิ้มเล่น 55) น้องวีก็เอากล้องวีดีโอมาถ่ายทิวทัศน์ไปเรื่อยแบบส่วนตัวมาก
พอได้เวลาแสงจะหมด ก็เปลี่ยนชุดแล้วแบกกีต้าร์ลงไปนอนบนพื้นหญ้า รันก็ถ่ายอยู่หลาย shot มาก ยังไม่ได้ดั่งใจเราซะที กินเวลาเป็นขั่วโมง เรารู้สึกว่าเหมือนยังเกร็งๆ อะไรอยู่ เพราะยึดติดกับ refference ที่เราให้ ทีนี้เลยช่างมันละ บอกให้รันถ่ายตามมุมมอง ความรู้สึกของตัวเอง แล้วภาพที่ออกมา ก็ได้เลย เยี่ยมมากน้อง!
เสร็จแล้วน้องวีก็ลองถ่าย Test MV ดู คราวหน้ามาพร้อมพี่ธรรม จะได้ถ่ายจริง
ความมืดมาเยือน ก็ขับรถกลับไปส่งวีที่ Anamorphic เจอแมวน่ารักมากมาย เอาวีดีโอที่วีถ่ายมาดูกัน ถ่ายได้อารมณ์สวยหลอนๆ แปลกๆ ประมาณว่าเข้าใจเราโคตรๆ
จากนั้นก็กลับบ้าน ลากน้องรันกลับไปค้างด้วย เพราะกะจะลุยเอาภาพลงคอมเราและปรับใน Photoshop กันให้เรียบร้อยไปเลย
แล้วนี่ก็คือปก Digipack ที่สำเร็จออกมา
ในที่สุด อัลบั้มก็คลอดแล้วที่งาน FAT Fest. โชว์เหนือ เมื่อวันที่ 30 มกรา 53 และจะวางแผงทั่วประเทศอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 27 เมษายน 53
เบื้องหลังหลุดๆ และเรื่องรั่วๆ
เรื่องมันมีอยู่ว่า ก่อนปีใหม่ 1 สัปดาห์ น้องรัน (Runangel) ที่รู้จักกันใน last.fm และเจอกันในคอนเสริ์ตสามหน โทรมาบอกว่าจะลาพักร้อนเข้ากรุงเทพยาวอาทิตย์นึง ถ้าว่างก็มาเจอกันได้
เราก็นึกได้ว่า เฮ้ย รัน ถ่ายรูปได้นี่หว่า ก็เลยชวนมาถ่ายปกอัลบั้มซะงั้น ทั้งที่ไม่เคยเห็นงานของน้องเค้ามาก่อน แต่ด้วยสัญชาตญาณ และจากที่เจอกันมา รู้สึกว่ารันน่าจะเข้าใจอะไรที่เป็นเราง่ายมาก ก็น่าจะเป็นไปได้แหละวะ
แล้วรันก็ตัดสินใจมาลุยด้วยแบบไม่ต้องคิด เราก็ไม่ได้อยากได้งานโปรแบบสตูดิโอแข็งๆ แต่อยากได้อะไรแบบมึนๆ เซอร์ๆ อย่าง All About Lily Chou-Chou ก็เลยจูนกันได้ไม่ยาก
และก็โชคดีขึ้นไปอีก ที่ติดต่อพี่ธรรม กับน้องวี แห่งโปรดักชั่นเฮ้าส์ 'Anamorphic’ ได้ เลยปรึกษาเค้าเรื่องโลเกชั่น และนัดวันไป survey สถานที่ถ่าย MV กับ Photo
ทุกคนในที่นี้ล้วนเป็นสาวก Lily Chou-Chou ด้วยกันทั้งสิ้น เข้าใจอารมณ์กันได้อย่างรวดเร็วมาก!
วันจันทร์คิวน้องวีว่าง พี่ธรรมเลยส่งวีไปช่วยก่อน นัดเจอที่ Anamorphic บ่ายสอง ช่วงกลางวันก็เจอกับรันก่อนตรง ม.เกษตร แล้วไปรถเราพร้อมกัน ระหว่างนั้นตรงมอเตอร์เวย์ พบทุ่งหญ้าเขียวๆ โดยบังเอิญ เลยรีบจอดรถแล้วลงไปสำรวจกัน เผื่อว่าจะกลับมาใ่ช้ได้
รันลงจากรถไปคนเดียวก่อน เราเกิดอยากไปสำรวจด้วย เลยเดินตามไปทีหลัง เห็นรันอยู่ในทุ่งหญ้าแล้ว แถมทางที่เห็นทอดลงไปก็ชันเหลือเกิน
อ้าวว แล้วจะลงไปไงวะเนี่ย
ถามรันว่าลงทางไหน รันก็มึนๆ หน่อยแล้วก็บอกว่าทางนี้แหละพี่ เอออ เราก็ค่อยๆ เหยียบลงไป กลัวลื่น น้องมันก็มาช่วย โอ๊ยยย ดราม่า + ลำเค็ญเกินไปมั้ย พอลงไปได้ก็ตื่นเต้นใหญ่ เหยียบได้ แต่ว่าหญ้าขึ้นห่างกันเกินไป ลงไปนอนก็จะดูไม่ค่อยเวริ์คเท่าไหร่
ไปต่อดีกว่า
กำลังจะเดินกลับไปทางที่ลงมาเมื่อกี๊ เราก็เห็นอีกทางที่มันขึ้นง่ายกว่า เลยชี้ให้รันดู แล้วรันก็ถึงบางอ้อ ว่าเมื่อกี๊มันลงมาทางนี้ต่างหาก
เวรกรรม
พอถึงรถ เราก็หากุญแจไม่เจอ หาอยู่นานว่าไว้ช่องไหนของกระเป๋า เอ๊ะ มันยังไงวะเนี่ย เหมือนได้รับออร่ารั่วๆ อะไรบางอย่างมา
ไปกันต่อถึงออฟฟิศ Anamorphic แล้วก็รับวี พร้อมอุปกรณ์กล้องมาด้วย
พองานเสร็จ ส่งวีที่ออฟฟิศ แล้วบึ่งรถกลับบ้าน ระหว่างทาง เกิดหิวข้าว แล้วมันสี่ทุ่มแล้ว เรากับรันก็
หาไปเรื่อยว่าจะแวะที่ไหน
สุดท้ายเจอ Esplanard รัตนาธิเบศร์
โรงหนังนี่หว่า มันต้องปิดดึกแน่ๆ เลยแวะเข้าไป
จอดรถแล้วก็เข้าห้างไป แม่บ้านทำความสะอาดห้องน้ำบอกว่าปิดสี่ทุ่ม เอ้า จริงดิ ลองเสี่ยงเดินลงไปข้างล่าง ถามพนักงาน เค้าบอก MC Donald เปิดถึงเที่ยงคืน เฮ่อออ เลยไปนั่งกินที่นั่น
เราสั่งอะไรจำไม่ได้ ใส้ผักโขม พอมานั่งโต๊ะก็กินไปเรื่อย คุยกับรันไป แล้วก็ได้สติว่า เฮ้ยยย นี่มันไม่ใช่ผักโขมนี่หว่า พนักงานหยิบผิดมา ในใบเสร็จยังเขียนว่าผักโขมเลย สันนิษฐานว่า ไม่แน่ไอ้คนที่วางสินค้าอาจวางผิดแต่แรก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น อร่อยว่ะ ให้อภัย
กินกันเรียบร้อย ออกจากร้าน เราก็ควานหาบัตรจอดรถ ชิบหายละ มันไม่อยู่
พอเจอ รปภ และเจ้าหน้าที่ห้างก็บอกเค้าว่าบัตรหาย ทำไง เค้าก็ตกใจ บอกว่าต้องเสีย 200
ยังไงลองติดต่อทางเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ดูก่อน เผื่อเจรจาได้ เราก็ขอไปหาที่รถก่อน ถ้าไม่เจอค่อยว่ากัน
แล้วเรากับรันก็งมหากันในรถ ไม่เจอ รันถามว่ามันมีแจกบัตรแน่รึเปล่า เราก็ยืนยันว่าจำได้แม่นว่ารับบัตรมาใส่กระเป๋า
เอาวะ สงสัยดวงต้องเสียตังค์ กลับเหอะ
แล้วก็ขับรถออกจากลานจอดรถไป…. ไม่มีด่านเก็บบัตร
คือ กรูจำความทรงจำของวันไหนมาเนี่ย!!!!!!!!!! O_O
แถมพี่รปภ. กับเจ้าหน้าที่ก็เคลิ้ม เออออห่อหมกตามเราเฉย
ลืมกันหมดว่าไม่ได้แจกบัตร
กลับถึงบ้านก็ลุยงานกันจนตีสี่ แม่เตรียมฟูกไว้ให้รันนอนในห้องทำงานพ่อ เราก็ให้รันไปนอน แล้วเราก็ขึ้นห้องไปนอน
เช้ามา แม่บ่น ทำไมไม่เอาหมอนให้น้องนอน
เอ่อ โทษคับ แล้วมันหลับลงได้ด้วยเว้ย เลี้ยงง่ายจริงๆ
แล้วพอตื่นมา รันก็ปรับภาพต่อจนเสร็จ
เย็นแล้ว ก็ออกไปหาอะไรกินแถวบ้าน แล้วก็เลยไปชิวที่ร้านกาแฟในปั๋มน้ำมันแถว… ลืมว่ะ รู้แต่ว่าพนักงานสาวอัธยาศัยดี เป็นมิตรมาก รันฝากของไว้เลยต้องไปเอา จากนั้นก็ขับกลับมาแถวเกษตร รันต้องนั่งบอกทางมาด้วย ไม่งั้นกลับไม่ถูก 555 ส่งรันตรงนั้นแล้วก็กลับบ้าน
เป็น 2 วันที่สนุกมาก และรั่วเรี่ยราดมากมาย
Comments